
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ประวัติ

ทะดะโอะ อันโด (「安藤忠雄」, Andō Tadao, 安藤忠雄?) (เกิด 13 กันยายน พ.ศ. 2484 ที่ เมืองโอซะกะ จังหวัดโอซะกะ ประเทศญี่ปุ่น) เป็นสถาปนิกชาวญี่ปุ่น โดยผลงานของอันโดจะใช้คอนกรีตหล่อ
ในที่โดยส่วนใหญ่ แนวความคิดในการออกแบบของ อันโด จะเน้นเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติโดยใช้ระบบสัญลักษณ์ เช่น การให้แสงเป็นตัวแทนของธรรมชาติ จะสังเกตได้ว่างานส่วนใหญ่ของอันโดจะไม่มีหน้าต่างที่เปิดให้เห็นทวทัศน์นอกอาคาร แต่มักมีช่องเปิดที่แสงแดดสามารถส่องผ่านได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ ในปี 2512 เขาได้ก่อตั้งบริษัทสถาปนิกของตัวเอง และในปี 2538 อันโดได้ชนะรางวัลพริตซ์เกอร์ รางวัลระดับโลกของชาวสถาปนิก โดยอันโดได้บริจาคเงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับเด็กกำพร้าจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่โกเบ ในปีนั้น
ชีวิตในวัยเด็กอันโดได้ทำงานหลายอย่าง เช่นเป็นคนขับรถบรรทุกและนักมวยเพื่อสะสมเงินเพื่อจะเป็นสถาปนิก ซึ่งถือได้ว่าอันโดเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆของญี่ปุ่นและของโลก แต่ทว่า ทะดะโอกลับไม่เคยผ่านการศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมมาก่อนเลย ความรู้ส่วนใหญ่ได้มาจาก การอ่านหนังสือและค้นคว้าด้วยตัวเองทั้งสิ้น
ชีวิตในวัยเด็กอันโดได้ทำงานหลายอย่าง เช่นเป็นคนขับรถบรรทุกและนักมวยเพื่อสะสมเงินเพื่อจะเป็นสถาปนิก ซึ่งถือได้ว่าอันโดเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆของญี่ปุ่นและของโลก แต่ทว่า ทะดะโอกลับไม่เคยผ่านการศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมมาก่อนเลย ความรู้ส่วนใหญ่ได้มาจาก การอ่านหนังสือและค้นคว้าด้วยตัวเองทั้งสิ้น
Tadao Ando สอนตัวเองให้เป็นสถาปนิก Ando ใช้ชีวิตวัยเยาว์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองสภาพสังคมวัฒนธรรมของญี่ปุ่นในช่วงนั้น มีการคาบเกี่ยวกันระหว่างวัฒนธรรมเก่าแบบประเพณีนิยมและวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่มี แนวคิดวัตถุนิยมเป็นที่ตั้ง เขาเชื่อว่าในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นสมัยใหม่ในช่วงปี 50s ถึง 60s ชาวญี่ปุ่นได้สูญเสียความสมดุลระหว่าง บ้าน (ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม) และธรรมชาติไป ดังนั้น Ando จึงตั้งมั่นที่จะสร้างสถาปัตยกรรมเพื่อที่จะสร้างความสมดุลให้กลับคืนมา
Ando เป็นชาวเมืองโอซากา เขาเติบโตมาในบ้านที่สร้างด้วยไม้และกระดาษ วิ่งเล่นในนาข้าว และเฝ้ามองการเจริญเติบโตของต้นไม้รอบตัวเขา Ando เริ่มทำงานเป็นช่างไม้เมื่อเขาอายุเพียง 10 ปีโดยทำงานเป็นลูกมือของช่างไม้ข้างบ้านจนอายุประมาณ 17 ปี ประสบการณ์ที่ได้จากการเป็นช่างไม้ทำให้เขาเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัสดุและรูปทรง และยังทำให้เขาตระหนักถึงความอุตสาหะของมนุษย์ที่พยายามสร้างรูปทรงให้เกิดขึ้น
Ando ทำงานด้วยความละเอียดอ่อน เขาใช้ความเชี่ยวชาญของการทำงานไม้มาใช้ในการสร้างสถาปัตยกรรม Ando สร้างแม่พิมพ์ไม้ เพื่อใช้หล่อคอนกรีต ผลที่ได้คือ รูปทรงที่เกิดจากคอนกรีตผิวเรียบที่เป็นทั้งงานโครงสร้าง และ พื้นผิว ผนังคอนกรีตผิวเรียบให้ความรู้สึกที่หนักแน่น โอบล้อมผู้อยู่อาศัยเขาควบคุมปริมาณของแสงธรรมชาติ และ อากาศ ในสถาปัตยกรรมที่เขาสร้างขึ้น เพราะเขาต้องการให้คนรู้สึกถึง พลังของ การเข้ามาอยู่ภายในสถาปัตยกรรมนั้น
ผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญของ Ando คือ Church of Light ในเมือง Osaka เขาใช้คอนกรีตผิวเรียบในการสร้างผนังของโบสถ์เป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในกล่องนี้มืดสนิท ความสว่างของพื้นที่ภายในเกิดขึ้นจากแสงแดดที่ส่องผ่านช่องแสงรูปไม้กางเขนบนผนังด้านหลังแท่นบูชา เขาเชื่อว่าสถาปัตยกรรมเป็นสิ่งที่ต้องสงบนิ่ง ธรรมชาติ แสงแดด และ สายลม เป็นสิ่งที่ทำให้คนได้รู้สึกถึงพลังของพื้นที่ทางสถาปัตยกรรมนั้น
Ando นิยามตัวเองว่าเป็น ช่างก่อสร้าง เขาไม่ได้เป็นสถาปนิกหากว่าจะอ้างอิงตามกฏหมาย แต่Ando มีผลงานที่เป็นงานสถาปัตยกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ผลงานทุกชิ้นของ Ando แสดงถึงความเป็นช่างฝีมือที่เต็มไปด้วยความลุ่มลึก ผลงานส่วนใหญ่ของ Andoอาคารที่เป็นที่พักอาศัย และอาคารที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น Rokko Housing I-II(1983, 1993) เป็นอาคารที่พักอาศัยในเมือง โอซากา ซึ่งได้รับรางวัล The National CulturalDesign Prize ของประเทศญี่ปุ่น และ Omotesando Hills Shopping Complex(2006) ตั้งอยู่ในแหล่งช็อปปิ้ง ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองโตเกียวเป็นกลุ่มอาคารเชิงพาณิชย์ผลงานแรกของเขา
Ando ได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายรางวัล หนึ่งในนั้นคือรางวัล Pritzker Architecture Prizeในปี ค.ศ.1995 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับสถาปนิกผู้มีผลงานระดับยอดเยี่ยมในปีนั้น ๆ นอกจากนั้นAndo ได้รับรางวัลเหรียญทอง จาก The National Architectural Institutions จากประเทศหลายประเทศ: ฟินแลนด์, ฝรั่งเศล, เดนมาร์ค, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น
รวบรวมโดย ณัฎฐิณี กาญจนาภรณ์
Ando เป็นชาวเมืองโอซากา เขาเติบโตมาในบ้านที่สร้างด้วยไม้และกระดาษ วิ่งเล่นในนาข้าว และเฝ้ามองการเจริญเติบโตของต้นไม้รอบตัวเขา Ando เริ่มทำงานเป็นช่างไม้เมื่อเขาอายุเพียง 10 ปีโดยทำงานเป็นลูกมือของช่างไม้ข้างบ้านจนอายุประมาณ 17 ปี ประสบการณ์ที่ได้จากการเป็นช่างไม้ทำให้เขาเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัสดุและรูปทรง และยังทำให้เขาตระหนักถึงความอุตสาหะของมนุษย์ที่พยายามสร้างรูปทรงให้เกิดขึ้น
Ando ทำงานด้วยความละเอียดอ่อน เขาใช้ความเชี่ยวชาญของการทำงานไม้มาใช้ในการสร้างสถาปัตยกรรม Ando สร้างแม่พิมพ์ไม้ เพื่อใช้หล่อคอนกรีต ผลที่ได้คือ รูปทรงที่เกิดจากคอนกรีตผิวเรียบที่เป็นทั้งงานโครงสร้าง และ พื้นผิว ผนังคอนกรีตผิวเรียบให้ความรู้สึกที่หนักแน่น โอบล้อมผู้อยู่อาศัยเขาควบคุมปริมาณของแสงธรรมชาติ และ อากาศ ในสถาปัตยกรรมที่เขาสร้างขึ้น เพราะเขาต้องการให้คนรู้สึกถึง พลังของ การเข้ามาอยู่ภายในสถาปัตยกรรมนั้น
ผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญของ Ando คือ Church of Light ในเมือง Osaka เขาใช้คอนกรีตผิวเรียบในการสร้างผนังของโบสถ์เป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในกล่องนี้มืดสนิท ความสว่างของพื้นที่ภายในเกิดขึ้นจากแสงแดดที่ส่องผ่านช่องแสงรูปไม้กางเขนบนผนังด้านหลังแท่นบูชา เขาเชื่อว่าสถาปัตยกรรมเป็นสิ่งที่ต้องสงบนิ่ง ธรรมชาติ แสงแดด และ สายลม เป็นสิ่งที่ทำให้คนได้รู้สึกถึงพลังของพื้นที่ทางสถาปัตยกรรมนั้น
Ando นิยามตัวเองว่าเป็น ช่างก่อสร้าง เขาไม่ได้เป็นสถาปนิกหากว่าจะอ้างอิงตามกฏหมาย แต่Ando มีผลงานที่เป็นงานสถาปัตยกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ผลงานทุกชิ้นของ Ando แสดงถึงความเป็นช่างฝีมือที่เต็มไปด้วยความลุ่มลึก ผลงานส่วนใหญ่ของ Andoอาคารที่เป็นที่พักอาศัย และอาคารที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น Rokko Housing I-II(1983, 1993) เป็นอาคารที่พักอาศัยในเมือง โอซากา ซึ่งได้รับรางวัล The National CulturalDesign Prize ของประเทศญี่ปุ่น และ Omotesando Hills Shopping Complex(2006) ตั้งอยู่ในแหล่งช็อปปิ้ง ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองโตเกียวเป็นกลุ่มอาคารเชิงพาณิชย์ผลงานแรกของเขา
Ando ได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายรางวัล หนึ่งในนั้นคือรางวัล Pritzker Architecture Prizeในปี ค.ศ.1995 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับสถาปนิกผู้มีผลงานระดับยอดเยี่ยมในปีนั้น ๆ นอกจากนั้นAndo ได้รับรางวัลเหรียญทอง จาก The National Architectural Institutions จากประเทศหลายประเทศ: ฟินแลนด์, ฝรั่งเศล, เดนมาร์ค, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น
รวบรวมโดย ณัฎฐิณี กาญจนาภรณ์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)